ความหมายของ Internet of Things

 

อ้างอิงจาก https://www.befirstnetwork.com

 

       นับการมีคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพียงหลักแสน…มาถึงหลักพันล้านในปัจจุบันจากการใช้คอมพิวเตอร์แค่รับส่งอีเมล์ก้าวมาสู่โลกของ World Wide Web
ที่ท่องไปได้ทุกที่ในชั่วอึดใจจากปลายนิ้วนั่นหมายถึงเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆคอมพิวเตอร์ที่ฉลาดขึ้นเรื่อยๆในขณะที่มีขนาดเล็กลงและราคาถูกลงมากดังนั้นการที่จะทำให้
อุปกรณ์หลายอย่างที่เป็นเพียงเครื่องใช้ไม้สอยธรรมดามีความฉลาดของคอมพิวเตอร์ขึ้นมาบ้างจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

       IoT หรือที่ย่อมาจากคำว่า "Internet of Things" ในภาษาไทย ถ้าแปลตรง ๆ เลยก็คือ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง" หรือ "อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง" (แล้วแต่จะเรียก)
นั้นคำอธิบายถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีตัวประมวลผล, ตัวรับสัญญาณ, ซอฟต์แวร์ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มีการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

อ้างอิงจาก https://www.befirstnetwork.com

 

       InternetofThingsคือเครือข่ายของสิ่งที่เป็นตัวตนจับต้องได้(“things”)ที่มีสิ่งประดิษฐ์electronicหรือsensorsหรือsoftwareฝังตัวอยู่โดยเชื่อมต่อถึงกัน เพื่อเพิ่มประโยชน์และคุณค่าของบริการโดยแลกเปลี่ยนข้อมูล กับผู้ผลิตกับoperatorและ/หรือกับอุปกรณ์ที่มีสิ่งฝังตัวอยู่

       นิยามของInternetofThings(IoT)หมายถึงการที่สิ่งต่างๆถูกเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตทำให้มนุษย์สามารถสั่งการควบคุมใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ
ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตหรือเรียกว่า ”การที่สิ่งต่างๆ ถูกเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต”

       Internet of Things (IoT) หมายถึง "สิ่ง" จำนวนมากมายที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อให้พวกเขาสามารถแบ่งปันข้อมูลกับสิ่งอื่น ๆ - แอปพลิเคชัน IoTอุปกรณ์เชื่อมต่อเครื่องจักรอุตสาหกรรมและอื่นๆอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตใช้เซ็นเซอร์ในตัวเพื่อรวบรวมข้อมูลและในบางกรณีก็ทำเช่นนั้น อุปกรณ์และเครื่องจักรที่เชื่อมต่อ IoTสามารถปรับปรุงวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตของเราตัวอย่างInternetofThingsในโลกแห่งความเป็นจริงมีตั้งแต่บ้านอัจฉริยะที่ปรับความร้อนละแสงสว่างโดยอัตโนมัติไปยัง โรงงานอัจฉริยะที่ตรวจสอบเครื่องจักรอุตสาหกรรมเพื่อค้นหาปัญหาจากนั้นปรับอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลว

       อย่างไรก็ดี Internet of Things นี้ไม่ได้เป็นเพียงส่วนขยายของอินเทอร์เน็ต ที่เรารู้จักกันอยู่เท่านั้น แต่จะเกิดเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของตนได้โดยพึ่งพาอยู่กับอินเทอร์เน็ต ซึ่งการเกิดประโยชน์จะเป็นในรูปแบบพึ่งพากับบริการ หรือธุรกิจใหม่ และจะสามารถครอบคลุมการสื่อสารในหลายรูปแบบ เช่น เครื่องสู่เครื่อง เครื่องสู่คนเป็นต้น

       IoT คือ สัญญาณเครือข่ายที่เชื่อมต่อสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน ด้วยเซ็นเซอร์ โปรแกรม หรือเทคโนโลยีอื่นๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ระบบ ที่เชื่อมหากันติดต่อแลกเปลี่ยน ถ่ายโอนข้อมูลกันได้ผ่านสัญญาณอินเทอร์เนต

       IoT ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า M2M ย่อมาจาก Machine to Machine คือ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่ออุปกรณ์กับเครื่องมือต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันในภาษาไทยได้
บัญญัติคำศัพท์ IoT นี้เอาไว้ว่า อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ซึ่งอธิบายกันให้เข้าใจได้โดยง่ายก็คือ IoT มีความสามารถทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สิ่งต่างๆ ได้ถูกเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างสู่โลกอินเตอร์เน็ตทำให้มนุษย์สามารถสั่งการ ควบคุม การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

 

อ้างอิงจาก https://www.plus.co.th

 

       Internet of Things (IoT) คือ การที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องป้อนข้อมูล การเชื่อมโยงนี้ง่ายจนทำให้เราสามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ ไปจนถึงการเชื่อมโยงการใช้งานอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้ากับการใช้งานอื่นๆ จนเกิดเป็นบรรดา Smart ต่างๆ ได้แก่ Smart Device, Smart Grid, Smart Home,
Smart Network, Smart Intelligent Transportation ทั้งหลายที่เราเคยได้ยินนั่นเอง ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเพียงสื่อกลางในการส่ง
และแสดงข้อมูลเท่านั้น

       กล่าวได้ว่า Internet of Things นี้ได้แก่การเชื่อมโยงของอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลายผ่านอินเทอร์เน็ตที่เรานึกออก เช่น แอปพลิเคชัน แว่นตากูเกิลกลาส รองเท้าวิ่งที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลการวิ่ง ทั้งความเร็ว ระยะทาง สถานที่ และสถิติได้

       นอกจากนั้น Cloud Storage หรือ บริการรับฝากไฟล์และประมวลผลข้อมูลของคุณผ่านทางออนไลน์ หรือเราเรียกอีกอย่างว่า แหล่งเก็บข้อมูลบนก้อนเมฆ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราใช้งานบ่อยๆแต่ไม่รู้ว่าเป็นหนึ่งในรูปแบบของ Internet of Things สมัยนี้ผู้ใช้นิยมเก็บข้อมูลไว้ในก้อนเมฆมากขึ้น เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ คือ ไม่ต้องกลัวข้อมูลสูญหายหรือถูกโจรกรรมทั้งยังสามารถกำหนดให้เป็นแบบส่วนตัวหรือสาธารณะก็ได้ เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆผ่านเครือข่าย
อินเตอร์เน็ต แถมยังมีพื้นที่ใช้สอยมาก มีให้เลือกหลากหลาย ช่วยเราประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย เนื่องจากเราไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น ฮาร์ดไดร์ฟ หรือ
Flash drive ต่างๆ

 

                                                                                 Back to the top page

 

เว็บไซต์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา โครงงาน สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ครูที่ปรึกษาประจำวิชา ครูสุดฤดี ประทุมชาติ ปีการศึกษา 2565